ลักษณะเด่น
จะงอยปากที่ยื่นยาวเป็นแผ่นกว้าง มีซี่ฟันถึงโคนจะงอยปาก ลักษณะแบนยาวคล้ายหมุดหรือตะปูจำนวน 14-24 คู่ ไม่มีร่องด้านใต้โคนจะงอยปาก รูจมูกสั้นเป็นช่องกว้าง ฐานครีบอกกว้าง ครีบหลังอันแรกมีจุดเริ่มต้นอยู่หน้าครีบท้อง มีสันคมที่ด้านข้างคอดหาง แพนหางตอนล่างสั้น ลำตัวสีน้ำตาล ด้านท้องมีสีขาว
ขนาด
โตได้สูงสุด 750 เซนติเมตร ขนาดที่พบเห็นทั่วไป คือ 250 เซนติเมตร
ถิ่นอาศัยและการแพร่กระจายในประเทศไทย
บริเวณพื้นแหล่งน้ำในแม่น้ำจนถึงปากแม่น้ำ และชายฝั่งจนถึงระดับความลึกน้ำ 60 เซนติเมตร ในน่านน้ำไทยพบทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน
ชีววิทยา
ออกลูกเป็นตัวแบบ Ovoviviparous ครั้งละ 1 – 13 ตัว โดยตัวอ่อนได้รับอาหารจากถุงไข่แดง จนกระทั่งฟักออกจากไข่ และออกมาจากท้องแม่ ปลาขนาดเล็กจะอาศัยในแม่น้ำ(น้ำจืด) ประมาณ 4 – 5 ปี และเมื่อโตขึ้นจึงอาศัยตามปากแม่น้ำและในทะเล ส่วนใหญ่กินปลาขนาดเล็ก หอย กุ้งและปูเป็นอาหาร
สถานภาพ
พ.ศ. 2550 กลุ่มปลาฉนากถูกจัดอยู่ในบัญชีแนบท้ายหมายเลข 1 (Appendix I) ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์และพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES)
พ.ศ. 2558 IUCN Red List กำหนดให้ปลาฉนากยักษ์เป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically Endangered Species, CR)
พ.ศ. 2560 สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดสถานภาพ ปลาฉนากปากแหลมเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ (Endangered Species) และปลาฉนากยักษ์ เป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically Endangered Species)
พ.ศ. 2561 ปลาฉนากยักษ์ ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. 2562 โดยได้รับการประกาศเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561
ปลาฉนากยักษ์ อาจสูญพันธุ์ไปจากน่านน้ำไทยแล้ว มักถูกจับจากเครื่องมืออวนลาก และอวนติดตา แต่ไม่มีรายงานการถูกจับจากเรือประมงไทยมากกว่า 30 ปี แล้ว
เอกสารอ้างอิง
ทัศพล กระจ่างดารา, 2560; ปลากระดูกอ่อน (ปลาฉลาม ปลากระเบน และปลาหนู) ที่พบในน่านน้ำไทยและน่านน้ำใกล้เคียง, www.fishbase.org, สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง; รายงานสำรวจสถานภาพสัตว์ทะเลหายากที่ได้รับการประกาศเป็นสัตว์สงวนและคุ้มครอง ฉบับสมบูรณ์ (Final Report) เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564, www.wikipedia.org